วันพฤหัสบดีที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2557

บะหมี่กะเพราหมู (สูตรสำเร็จ)

บะหมี่กะเพราหมู (สูตรสำเร็จ)


บะหมี่ผัดกะเพราหมู เป็นการนำเมนูยอดฮิตของคนทุกเพศ ทุกวัย อย่างผัดกะเพราหมูสับมาผสมกับการผัดเส้นบะหมี่ ทำให้เกิดเมนูและรสชาติใหม่น่าลิ้มลอง

ส่วนประกอบ
  • เนื้อหมูบดหยาบ 200 กรัม
  • ใบกะเพรา (½ ถ้วยตวง) 20 กรัม
  • พริกชี้ฟ้าแดงหั่นแฉลบ 1 เม็ด
  • บะหมี่ไข่ 3-5 ก้อน
  • คนอร์สูตรสำเร็จผัดกะเพรา 1 ซอง

วิธีทำ
  1. นำบะหมี่ไปลวกในน้ำเดือดจนสุก นำขึ้นสะเด็ดน้ำใส่ถ้วย แล้วคลุกเส้นกับน้ำมัน พักไว้
  2. ตั้งกระทะน้ำมันบนไฟร้อน นำหมูสับลงไปผัดกับน้ำมันจนสุกดี เติมน้ำลงไปแล้วผัดให้เข้ากัน
  3. ใส่คนอร์สูตรสำเร็จผัดกะเพราลงไป ผัดให้เข้ากัน ใส่พริกชี้ฟ้าแดงหั่น และ ใบกะเพราลงไป ผัดเร็วๆ เมื่อเข้ากันดี ใส่เส้นหมี่ที่ลวกไว้ลงไปผัดให้เข้ากัน จัดใส่จานพร้อมเสิร์ฟ



ข้าวซอยเนื้อ

ข้าวซอยเนื้อ


หากใครที่ชอบรสชาติอาหารเหนืออย่างข้าวซอยแล้ว เมนูข้าวซอยเนื้อเป็นอีกเมนูที่ควรลิ้มลอง เพราะจะได้รสชาติอร่อยเด็ดของข้าวซอยและกลิ่นรวมไปถึงรสชาติของเนื้อที่ใส่ลงในข้าวซอย ซึ่งเป็นการผสมผสานกันอย่างลงตัวเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นจึงเป็นหนึ่งในเมนูที่ไม่ควรพลาด

ส่วนประกอบ
  • ซีอิ๊วดำ(12 กรัม) 1 ช้อนโต๊ะ
  • กะทิ (1 ลิตร) 4 ถ้วยตวง
  • หางกะทิ (0.5 ลิตร) 2 ถ้วยตวง
  • น้ำเปล่า (1.5 ลิตร) 6 ถ้วยตวง
  • เนื้อน่อง หรือเนื้อส่วนที่ชอบหั่นชิ้นพอคำ 1 กิโลกรัม
  • คนอร์ซุปไก่ก้อน 3 ก้อน
  • น้ำตาลปีบ 2 ½ ช้อนโต๊ะ
  • บะหมี่ 10 ก้อน
  • ผักกาดดอง 1 ต้น
  • หอมแดงซอย 300 กรัม
  • มะนาว 5 ลูก
  • น้ำมันพืชสำหรับทอด
  • เครื่องแกง
  • พริกขี้หนูแห้งคั่ว 20 เม็ด
  • พริกชี้ฟ้าแห้งคั่ว 5 เม็ด
  • ลูกผักชี (1.5 กรัม) ½ ช้อนชา
  • ยี่หร่า (1.5 กรัม) ½ ช้อนชา
  • โป๊ยกั๊ก 2 ดอก
  • หอมแดงคั่ว 9 หัว
  • กระเทียม 3 กลีบใหญ่
  • ขิงแก่ 6 แว่น
  • ขมิ้นสด 1 นิ้ว 1 ชิ้น
  • เกลือ (15 กรัม) 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
  1. ทอดบะหมี่ 2 ก้อน และทอดเผื่อสำหรับใช้แต่งหน้าด้วย
  2. โขลกพริกแห้งคั่ว ลูกผักชี ยี่หร่า โป๊ยกั๊ก หอมแดงคั่ว กระเทียม ขิงแก่ ขมิ้นสด และเกลือให้ละเอียด พักไว้
  3. เคี่ยวเนื้อกับหางกะทิประมาณ 30 นาที หรือจนกระทั่งเนื้อเริ่มนุ่ม
  4. ตั้งกระทะใส่หัวกะทิพอแตกมัน ใส่เครื่องที่โขลกไว้ลงผัดให้หอม ใส่เนื้อ เติมกะทิลงไปทั้งหมด และเติมน้ำเปล่า
  5. พอเดือดใส่คนอร์ซุปไก่ก้อน และน้ำตาลเคี่ยวให้เนื้อนุ่มยกลง รับประทานกับ ผักกาดดองหั่น พริกป่นผัดกับน้ำมัน
  6. จัดเสิร์ฟโดย ใส่เส้นที่ทอดในชามตักน้ำเข้าซอยราด แต่งหน้าด้วยหอมซอย ผักดอง บะหมี่ทอด



ข้าวหน้าเนื้อญี่ปุ่น

ข้าวหน้าเนื้อญี่ปุ่น


สำหรับผู้ที่ชื่นชอบเมนูอาหารญี่ปุ่น ขอแนะนำเมนูข้าวหน้าเนื้อญี่ปุ่น รสชาติของข้าวญี่ปุ่นและเอกลักษณ์ของเนื้อข้าวที่มีความนุ่มและเหนียว ผสานกับรสชาติเนื้อสไลด์บางๆ ติดมันนิดหน่อย โดยราดด้วยน้ำซอสโชยุ รับประทานคู่กับไข่ออนเซ็น และขิงดอง นับว่าเป็นเมนูที่อยากจะชวนให้ทุกๆ คนได้ลองทำรับประทานเอง

ส่วนประกอบ
  • เนื้อวัวติดมัน สไลด์บาง 300 กรัม
  • ขิงขูดละเอียด 5 กรัม
  • สาเก 3 ช้อนโต๊ะ
  • มิริน 3 ช้อนโต๊ะ
  • โชยุ (ซีอิ๊วญี่ปุ่น) 3 ช้อนโต๊ะ
  • คนอร์อร่อยชัวร์ 1 ½ ช้อนชา
  • น้ำตาล 3 ช้อนโต๊ะ
  • ปลาโอแห้ง หรือผงดาชิ ¼ ถ้วยตวง
  • น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
  • ต้นหอมซอย 2 ต้น
  • หัวหอมใหญ่ 1 ลูกหั่นเสี้ยว 200 กรัม
  • ไข่ไก่ 3 ฟอง
  • ข้าวสวยญี่ปุ่น และขิงดองสีแดงตามชอบ

วิธีทำ
  1. นำน้ำใส่หม้อตั้งไฟ พอเดือดปิดไฟ ใส่ไข่ลงไปปิดฝาทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที นำออกมาแช่น้ำเย็น พักไว้
  2. นำผงดาชิ หรือปลาโอแห้งมาแช่น้ำร้อน (120 มล.) ไว้สัก 10 นาที กรองเอาแต่น้ำซุป พักไว้
  3. ขูดขิงสดให้ละเอียด คั้นเอาแต่น้ำ ½ ช้อนชา ตั้งน้ำให้เดือดแล้วนำเนื้อวัวลงไปลวกพอสุก ตักขึ้น พักไว้
  4. ทำน้ำซอสโดยใส่สาเก มิริน โชยุ น้ำตาลผสมให้เข้ากันในกระทะ เร่งไฟพอซอสเดือด แล้วใส่น้ำซุปปลาโอ ขิงขูด คนอร์อร่อยชัวร์ และหอมใหญ่ปิดฝาต้มให้เดือดสักครู่ แล้วเปิดฝา หรี่ไฟลง เคี่ยวต่อสักครู่ ใส่เนื้อลงไป เมื่อเนื้อสุกให้ปิดไฟ นำเนื้อที่ได้ราดบนข้าวสวยญี่ปุ่นร้อนๆ รับประทานคู่กับไข่ออนเซ็น และขิงดอง



กุ้งพันตะไคร้เวียดนาม

กุ้งพันตะไคร้เวียดนาม


ส่วนผสมสำหรับ 1–2 ที
  •  เนื้อกุ้งแกะ 200 กรัม
  •  มันหมู 25 กรัม
  •  เนื้อปลาขูด 150 กรัม
  •  ไข่ไก่ 1 ฟอง
  •  พริกไทย 1 ช้อนชา
  •  น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
  •  กระเทียมสับ 20 กรัม
  •  ตะไคร้ตำอย่างละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
  •  น้ำตาลไอซิ่ง 1 ช้อนโต๊ะ
  •  เกลือ 1/2 ช้อนชา
  •  ต้นตะไคร้ 5–8 ต้น
  •  น้ำมันสำหรับทอด

วิธีทำ
1. ปั่นเนื้อปลากับมันหมู จนกระทั่งเนียนเข้ากัน ใส่เนื้อกุ้งลงตีผสม แล้วใส่เครื่องปรุงทั้งหมดตีต่อจนเข้ากันอีกเครั้ง
2. ปั้นเป็นก้อนกลมแบนตามชอบ นำแท่งตะไคร้เสียบตรงกลาง นำไปนึ่งนสุก จากนั้นนำไปทอดอีกครั้งจนสุกเหลืองตามชอบ เสิร์ฟพร้อมผักสด เส้นหมี่ และผักดอง

ทาโกยากิ

ทาโกยากิ


วัตถุดิบ
- แป้งทาโกะยากิสำเร็จรูป
- ซอสราดทาโกะยากิ
- เนื้อปลาโอฝอยอบแห้ง ทั้งหมดเป็นของนำเข้ายี่ห้อทอปแวลู มีขายที่ Max Value
- มายองเนสขวดบีบของคิวพี ซื้อที่เทสโก้
- หนวด+เนื้อปลาหมึก
- ต้นหอมซอย
- ไข่ไก่
- น้ำสะอาด
ไม่ต้องปรุงเพิ่มเลย แป้งสำเร็จรูปรสโอเคอยู่แล้ว

ขั้นตอนการทำ
1.ผสมแป้งทาโกะยากิ 2ถ้วยครึ่ง กับน้ำสะอาด 3 3/4 ถ้วย + ไข่ไก่ 1 ฟอง คนให้เข้ากัน
2.โรยต้นหอมซอยลงไปในแป้ง
3.ใช้น้ำมันทาหลุมทาโกะยากิให้ทั่วๆ
4.หยอดแป้งให้เกือบเต็มหลุมเลย ก่อนหน้านี้ช่วงทดลองใส่แค่ครึ่งเดียวมันไม่ค่อยกลมน่ะ เอามันเต็มๆเลยดีก่า อย่าลืมหยอดปลาหมึกด้วย
5.รอแป้งสุกนิดนึงก็กลิ้งกลับด้าน คอยกลิ้งๆไปเรื่อยๆจนเนื้อแ้ป้งด้านนอกเป็นสีน้ำตาลสวยตักใส่จาน
6. บีบซอสทาโกยากิ+มายองเนส โรยหน้าด้วยปลาโอแห้ง


เคล็ดลับ
  • ระหว่างที่รอให้สุก ถ้าพบว่าหลุมเริ่มจะหลวมๆหยอดแป้งเพิ่มได้ ทีนี้ละกลมกิ๊กสวยงาม
  • ถ้าอยากให้มันกรอบเกรียมนิดๆให้หยอดน้ำมันลงไปในหลุมหน่อยนึง ออกมาสวยกริ๊บ



หมูอบน้ำผึ้ง

หมูอบน้ำผึ้ง



ครื่องปรุง

  • สันคอหมู 1 กิโลกรัม
  • ซีอิ้วขาว 3 ช้อนโต๊ะ
  • ซอสปรุงรส 2 ช้อนโต๊ะ
  • ซอสมะเขือเทศ 4 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือป่น 1 ช้อนชา
  • น้ำผึ้ง ½ ถ้วย
  • น้ำเปล่า 2 ถ้วย

วิธีทำ
1. นำสันคอหมูมาล้างน้ำให้สะอาด ซับน้ำให้แห้งแล้วหั่นเป็นชิ้นหนาประมาณ 1 นิ้ว

2. ผสมเครื่องปรุงทั้งหมดลงในชามผสมแล้วคนให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน

3. นำเนื้อหมูที่หั่นไว้ใส่ลงในชามผสม คลุกเคล้าเครื่องปรุงให้ทั่วชิ้นหมู หมักไว้ประมาณ 2 ชั่วโมงหรือทิ้งไว้ข้ามคืนในตู้เย็น

4. นำหม้อมาตั้งไฟปานกลาง ใส่หมูที่หมักไว้ลงไป เทเครื่องปรุงที่หมักไว้ลงไปด้วยแล้วเติมน้ำลงไปให้ท่วมหมู

5. ปิดฝาหม้อแล้วเคี่ยวไปเรื่อยๆ จนเนื้อหมูนุ่ม ระหว่างนั้นก็กลับด้านหมูเป็นระยะ จากนั้น เปิดฝาหม้อ ลดไฟลงเหลือไฟปานกลางค่อนข้างอ่อน เคี่ยวไปจนน้ำซอสงวดจึงปิดเตาและยกลงได้


6. ตักหมูอบน้ำผึ้งใส่จาน โรยด้วยต้นหอมซอยเล็กน้อย จากนั้นก็ยกเสิร์ฟได้เลยค่ะ

วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

แกงอ่อมหมู

แกงอ่อมหมู



แกงอ่อมหมู นิยมใช้เนื้อหมูและเครื่องในหมูเป็นส่วนผสมหลัก บ้างใช้แต่เครื่องใน เรียก แกงอ่อมเครื่องในหมู มีวิธีการแกงเช่นเดียวกับแกงเนื้อสัตว์อื่นๆ แกงอ่อม ถือเป็นอาหารชั้นดีอย่างหนึ่งของชาวเหนือนิยมใช้เลี้ยงแขกในเทศกาลงานเลี้ยงต่างๆ

ส่วนประกอบ
  • เนื้อหมูหั่นชิ้นบางๆพอคำ (200 กรัม) 1 ถ้วยตวง
  • กะหล่ำปลี หั่นเป็นชิ้นพอคำ (250 กรัม) 2 ถ้วยตวง
  • กวางตุ้ง (250 กรัม) 2 ถ้วยตวง
  • ผักชีลาวหั่นท่อนยาว 1 นิ้ว (25 กรัม) ¼ ถ้วยตวง
  • ต้นหอมหั่นท่อนยาว 1 นิ้ว (30 กรัม) ¼ ถ้วยตวง
  • ตะไคร้หั่นท่อน 1 นิ้วบุบพอแหลก (42 กรัม) 3 ต้น
  • ใบมะกรูดฉีก (4 กรัม) ประมาณ 4 ใบ
  • น้ำปลาร้า (50 กรัม) ¼ ถ้วยตวง
  • น้ำปลา (24 กรัม) 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง
  • คนอร์ซุปหมูก้อน 1 ก้อน
  • ข้าวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
  • บางสูตรอาจจะใส่ข้าวเบือ ข้าวเบือ คือน้ำข้าวสารไปแช่น้ำ แล้วนำมาโขลกเพิ่มความข้น
  • หัวหอมแดงประมาณ (40 กรัม) 8 หัว
  • พริกขี้หนูประมาณ (20 กรัม) 15 เม็ด

วิธีทำ
  1. โขลกพริกขี้หนู กับหัวหอมแดง ให้เข้ากันไม่ต้องละเอียดมากพักไว้
  2. ตักเครื่องที่โขลกไว้ใส่หม้อตั้งไฟ ใส่ตะไคร้ ตามด้วยเนื้อหมู เติมน้ำเปล่าเล็กน้อย ใส่น้ำปลาร้าและน้ำปลาลง รวนจนได้กลิ่นหอมของสมุนไพรและหมูสุก
  3. เติมน้ำเปล่าลงไปพอเดือดใส่คนอร์ซุปหมูก้อน และข้าวคั่วคนให้เข้ากัน ใส่กะหล่ำปลี กวางตุ้งต้นหอม และผักชีลาว ต้มจนผักทั้งหมดสุ ก ตักใส่ถ้วยพร้อมเสิร์ฟ
  4. หมายเหตุ สำหรับผู้ที่ชอบความรสจัดแบบอีสานแท้ๆ สามารถเพิ่มพริกและปล้าร้าได้ตามชอบ

ฉู่ฉี่กุ้งแม่น้ำ

ฉู่ฉี่กุ้งแม่น้ำ



การปรุงอาหารเมนู ฉู่ฉี่กุ้งแม่น้ำ มีสูตรเด็ดเคล็ดลับอยู่ที่ความเผ็ดร้อนของเครื่องแกง เรียกได้ว่า นี้คือเสน่ห์ของเมนูฉู่ฉี่กุ้งแม่น้ำเลยก็ว่าได้ เมื่อนำมาผสมผสานกับกุ้งแม่น้ำ ยิ่งทำให้ฉู่ฉี่กุ้งแม่น้ำน่ารับประทานยิ่งขึ้น

ส่วนประกอบ
  • กุ้งแม่น้ำขนาดกลางประมาณ 600 กรัม 6 ตัว
  • หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง
  • หางกะทิ 2 ถ้วยตวง
  • ใบมะกรูดหั่นฝอย 4 ใบ
  • พริกชี้ฟ้าหั่นเฉียงบาง 2 เม็ด
  • ผักชีเด็ดเป็นใบ 1-2 ต้น
  • น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลปีบ 2 ช้อนโต๊ะ
  • คนอร์ซุปไก่ก้อน 2 ก้อน
  • น้ำมันสำหรับทอดกุ้ง
  • น้ำพริกแกง
  • พริกชี้ฟ้าแห้งแกะเมล็ดออกแช่น้ำ 2 เม็ด
  • พริกขี้หนูแห้งแกะเมล็ดออกแช่น้ำ 5 เม็ด
  • ข่าหั่นละเอียด 1 ช้อนชา
  • ตะไคร้ซอย 1 ช้อนโต๊ะ
  • หอมแดงซอย 7 หัว
  • กระเทียม 10 กลีบ
  • ผิวมะกรูดหั่นละเอียด ½ ช้อนชา
  • รากผักชีหั่น 1 ช้อนชา
  • เกลือป่น 1 ช้อนชา
  • กะปิ 1 ช้อนชา
วิธีทำ
  1. นำพริกกับเกลือมาโขลกให้ละเอียด พร้อมทั้งใส่ข่า ตะไคร้ หอมแดง กระเทียม ผิวมะกรูด รากผักชี และกะปิที่เตรียมไว้โขลกให้ละเอียด แล้วพักไว้
  2. นำกุ้งแม่น้ำไปล้างให้สะอาด ตัดหนวด ผ่าหลัง แล้วพักไว้
  3. ตั้งกระทะน้ำมันบนไฟแรงพอร้อน นำกุ้งแม่น้ำลงไปทอดพอสุก นำใส่จานที่เตรียมไว้
  4. นำหัวกะทิตั้งไฟให้เดือด หมั่นคนเพื่อกะทิไม่จับเป็นก้อน เคี่ยวให้แตกมัน ใส่น้ำพริกแกงที่โขลกไว้ ผัดจนหอม นำกะทิที่เหลือใส่หม้อ ตั้งไฟพอเดือด
  5. ปรุงรสด้วยคนอร์ซุปไก่ก้อน, น้ำปลา และน้ำตาล ผัดจนซอสข้นเล็กน้อย นำซอสที่ได้ราดลงบนตัวกุ้ง หรือนำกุ้งมาคลุกกับซอสก็ได้ จัดใส่จาน โรยใบมะกรูด พริกชี้ฟ้า และผักชีตามชอบพร้อมเสิร์ฟ

ฉู่ฉี่ปลาทูทอด

ฉู่ฉี่ปลาทูทอด



ปลาทูทอดเป็นอาหารยอดนิยมของคนไทย หากนึกถึงปลาทูทอดแล้วสิ่งที่ต้องทานคู่กัน ก็คือ น้ำพริกกะปิและผักสด แต่ในเมนูนี้ เราจะนำเสนอปลาทูทอดในรูปแบบใหม่ ซึ่งทำให้คุณลืมน้ำพริกกะปิไปเลย นั่นก็คือ ฉู่ฉี่ปลาทูทอด

ส่วนประกอบ
  • ปลาทูนึ่งขนาดกลาง 5 ตัว
  • หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง
  • หางกะทิ 2 ถ้วยตวง
  • ใบมะกรูดหั่นฝอย 4 ใบ
  • พริกชี้ฟ้าหั่นเฉียงบาง 2 เม็ด
  • ผักชีเด็ดเป็นใบ 1-2 ต้น
  • น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลปีบ 2 ช้อนโต๊ะ
  • คนอร์ซุปไก่ก้อน 2 ก้อน
  • น้ำมันสำหรับทอดปลา
  • น้ำพริกแกง
  • พริกชี้ฟ้าแห้งแกะเมล็ดออกแช่น้ำ 2 เม็ด
  • พริกขี้หนูแห้งแกะเมล็ดออกแช่น้ำ 5 เม็ด
  • ข่าหั่นละเอียด 1 ช้อนชา
  • ตะไคร้ซอย 1 ช้อนโต๊ะ
  • หอมแดงซอย 7 หัว
  • กระเทียม 10 กลีบ
  • ผิวมะกรูดหั่นละเอียด ½ ช้อนชา
  • รากผักชีหั่น 1 ช้อนชา
  • เกลือป่น 1 ช้อนชา
  • กะปิ 1 ช้อนชา
วิธีทำ
  1. ตั้งกระทะน้ำมันบนไฟแรงจนร้อน นำปลาทูลงไปทอดจนเหลือทั้งสองด้าน จัดใส่จานเตรียมไว้
  2. นำพริกกับเกลือมาโขลกให้ละเอียดพร้อมทั้งใส่ข่า ตะไคร้ หอมแดง กระเทียม ผิวมะกรูด รากผักชี และกะปิที่เตรียมไว้ โขลกส่วนผสมทั้งหมดให้ละเอียด พักไว้
  3. ตั้งกระทะหัวกะทิบนไฟแรงจนเดือด หมั่นคนเพื่อให้กะทิไม่จับเป็นก้อน เคี่ยวให้แตกมัน ใส่น้ำพริกแกงที่โขลกไว้ ผัดจนหอม เติมกะทิที่เหลือลงไป
  4. เมื่อน้ำพริกแกงและกะทิเดือดให้ปรุงรสด้วยคนอร์ซุปไก่ก้อน, น้ำปลา และน้ำตาล ผัดจนซอสข้นเล็กน้อย นำซอสราดลงบนตัวปลาทูที่ทอดไว้ หรือจะนำปลาทูลงไปคลุกกับซอสก็ได้ จัดใส่จาน โรยใบมะกรูด พริกชี้ฟ้า และผักชีตามใจชอบพร้อมเสิร์ฟ


ไข่เจียวปูฟู

ไข่เจียวปูฟู


การเลือกวัตถุที่จะนำมาใส่ในไข่นั้น ถ้าเป็นแต่ก่อนก็คงหนีไม่พ้นหมูสับ แต่จะทานไข่เจียวหมูสับทุกวันคงจะน่าเบื่อ ลองเปลี่ยนมาเป็นเนื้อปูดูบ้าง เพื่อเพิ่มรสชาติอร่อยไม่ธรรมดาให้กับไข่เจียวเมนูง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ทำได้

ส่วนประกอบ
  • ไข่ไก่เบอร ์1 3 ฟอง
  • เนื้อปู ¼ ถ้วยตวง
  • คนอร์อร่อยชัวร์ 1 ช้อนชา
  • น้ำมันพืช 1 ถ้วยตวง
วิธีทำ
  1. ตอกไข่ใส่ชามผสม ใส่คนอร์อร่อยชัวร์ ตีไข่จนคนอร์อร่อยชัวร์ละลายดี ใส่เนื้อปูคนให้เข้ากันอีกครั้ง (ไม่ควรตีหรือคนแรงเกินไป เพราะจะทำให้เนื้อปูแหลกไม่น่ากิน)
  2. ตั้งกระทะบนไฟปานกลาง ใส่น้ำมัน รอจนร้อนจัด ค่อยๆเทไข่ที่เตรียมไว้ลงไปให้เป็นสายช้าๆ หรี่ไฟลง ทอดจนสุกเป็นสีเหลืองทอง ตักใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ รับประทานคู่กันกับซอสพริก หรือซอสมะเขือเทศ
  3. หมายเหตุ ควรทอดในน้ำมันเยอะๆ จะทำให้ไข่ฟูสวย


เต้าเจี้ยวหลน

เต้าเจี้ยวหลน


ถ้ามองหาเมนูสุขภาพ รสชาติเด็ด ๆ พร้อมรับประทานคู่กับผักสดหลากหลายชนิดเป็นเครื่องเคียง ขอแนะนำเต้าเจี้ยวหลนให้ได้ลิ้มลองกัน นับว่าเป็นเมนูเครื่องจิ้มสไตล์ไทยๆ ที่อยากให้ทุกคนได้ลองชิม

ส่วนประกอบ
  • เต้าเจี้ยวขาว (200 กรัม) 1 ถ้วยตวง
  • เนื้อกุ้งสับ (100 กรัม) ½ ถ้วยตวง
  • เนื้อหมูติดมันสับ (100 กรัม) ½ ถ้วยตวง
  • หัวกะทิ (375 กรัม) 1 ½ ถ้วยตวง
  • หอมแดงซอย (100 กรัม) ½ ถ้วยตวง
  • (แบ่งหอมแดงซอยเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกสำหรับโขลกกับเต้าเจี้ยว อีกส่วนใส่ลงในเต้าเจี้ยวหลน)
  • พริกหยวกสีเขียวหั่นท่อน 1 นิ้ว 4 เม็ด
  • พริกชี้ฟ้าหั่นท่อน 1 นิ้ว 4 เม็ด
  • น้ำตาลปีบ 6 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
  • คนอร์อร่อยชัวร์ 2 ช้อนชา
วิธีทำ
  1. ล้างเต้าเจี้ยวให้สะอาดแล้วบีบให้แห้ง นำไปโขลกจนละเอียดกับหัวหอม เสร็จแล้วตักออก พักไว้
  2. โขลกหมูบด และเนื้อกุ้งให้เข้ากัน แล้วใส่เต้าเจี้ยวขาวที่พักไว้ลงโขลกผสมกัน (ขั้นตอนนี้สำคัญมาก เพราะถ้าโขลกหมูบดและกุ้งบดละเอียดเหนียวแล้วจะทำให้เต้าเจี้ยวหลนอร่อย)
  3. นำหัวกะทิ ใส่ในหม้อ ใส่เครื่องที่โขลกลงไป ใช้ไฟปานกลางคอยคนเรื่อยๆ ไม่ให้ติดก้นหม้อ ค่อยๆ เคี่ยวจนส่วนผสมสุกข้น ใส่หัวหอมที่เหลือ พริกหยวก และพริกชี้ฟ้าลงไป เคี่ยวต่อพอให้พริกเริ่มนิ่ม
  4. ปรุงรสด้วยคนอร์อร่อยชัวร์ น้ำตาลปีบ และน้ำมะขามเปียก ชิมรสตามชอบ ตักใส่ถ้วยพร้อมเสิร์ฟ รับประทานคู่กับแตงกวา ผักกาดหอม หรือข้าวตัง
  5. หมายเหตุ ถ้าชอบรสหวานสามารถเพิ่มน้ำตาลปีบได้ตามชอบ


ยำไข่ดาว (สูตรซอสพริก)

ยำไข่ดาว (สูตรซอสพริก)


ยำไข่ดาว เมนูไข่อีกหนึ่งเมนูที่มีวิธีการทำที่ไม่ยาก อีกทั้งยังได้รสชาติแปลกใหม่จากการทานไข่ดาวธรรมดา เพราะ ยำไข่ดาวให้รสเปรี้ยวจากน้ำยำ

ส่วนประกอบ
  • ไข่ไก่ 2 ฟอง
  • หอมแขก หรือหอมใหญ่ซอยบาง ¼ ถ้วยตวง
  • มะเขือเทศหั่นเสี้ยวบาง 1 ลูก
  • พริกแดงตำ หรือซอย 2-3 เม็ด
  • ขึ้นฉ่าย ต้นหอมหั่นท่อน 1 นิ้วตามชอบ
  • เครื่องปรุงน้ำยำ
  • น้ำตาลทราย หรือน้ำตาลปีบ ½ ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลา 1-½ ช้อนโต๊ะ
  • ซอสพริก 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
  • คนอร์อร่อยชัวร์ ½ ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
  1. ทอดไข่ดาวเตรียมไว้ กรอบมากกรอบน้อยตามชอบ หั่นเป็นชิ้นพอคำ พักไว้
  2. จากนั้น ผสมน้ำยำในถ้วยโดยใส่น้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาล ซอสพริก และคนอร์อร่อยชัวร์ คนให้เข้ากัน
  3. ชิมรสตามชอบ นำไข่ลงคลุกหรือจะนำน้ำยำมาราดบนไข่ก็ได้ ใส่มะเขือเทศ หอมใหญ่ ขึ้นฉ่าย ต้นหอม และพริกขี้หนูคนให้เข้ากันเบาๆ จัดใส่จานพร้อมเสิร์ฟ

ลาบรวมมิตรทะเล

ลาบรวมมิตรทะเล

ลาบ เป็นเมนูที่นำเนื้อสัตว์หรือวัตถุดิบต่างๆ มาปรุงได้มากมายหลากหลายชนิด รวมทั้งอาหารทะเล เพื่อเพิ่มรสชาติที่แปลกใหม่ เราจึงอยากจะชวนให้ทำลิ้มลองเมนูมีกลิ่นอายของความเป็นอีสาน คือลาบรวมมิตรทะเล โดยนำน้ำลาบไปเคล้าอาหารทะเลสด ๆ ใส่ผักสมุนไพรลงไปปรุง ให้รสชาติแซบหลาย

ส่วนประกอบ
  • กุ้งสดปอกเปลือก (50กรัม) ¼ ถ้วยตวง
  • ปลาหมึกหั่นชิ้นพอคำ (50กรัม) ¼ ถ้วยตวง
  • เนื้อหอยแมลงภู่ (50กรัม) ¼ ถ้วยตวง
  • เนื้อปลาเก๋า (50กรัม) ¼ ถ้วยตวง
  • พริกป่น 2 ช้อนโต๊ะ
  • ข้าวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
  • คนอร์อร่อยชัวร์ 2 ช้อนชา
  • น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
  • หอมแดงซอย 3 หัว 1 ½ ช้อนโต๊ะ
  • ต้มหอมซอย 2 ต้น 1 ½ ช้อนโต๊ะ
  • ผักชีฝรั่งซอย 1 ต้น 1 ½ ช้อนโต๊ะ
  • น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ
  • ใบสะระแหน่สำหรับโรยหน้าตามชอบประมาณ ¼ ถ้วยตวง
  • ผักสด เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว กะหล่ำปลี ใบโหระพาตามชอบ โดยประมาณ
วิธีทำ
  1. ต้มน้ำให้เดือด นำอาหารทะเลที่เตรียมไว้ลงไปลวกจนสุก ตักออกมาพักไว้ในชามสำหรับผสม ใส่น้ำเปล่าร้อน 2 ช้อนโต๊ะ
  2. ปรุงรสชาติด้วยคนอร์อร่อยชัวร์ น้ำมะนาว พริกป่น ข้าวคั่ว หอมแดงซอย ต้นหอม และผักชีฝรั่ง ผสมให้เข้ากัน
  3. ตักใส่จาน โรยหน้าด้วยใบสะระแหน่พร้อมเสิร์ฟ จัดรับประทานคู่กันกับผักสด
  4. หมายเหตุ ความเผ็ดขึ้นอยู่กับพริกป่นบางครั้งพริกป่นอาจเผ็ดมากให้แบ่งใส่ครึ่งหนึ่งแล้วชิมรสดูก่อน


น้ำพริกหนุ่ม

น้ำพริกหนุ่ม


น้ำพริกหนุ่ม เป็นอาหารท้องถิ่นทางภาคเหนือ โดยส่วนมากแล้วนิยมนำมาทานพร้อมกับแคบหมู เรียกได้ว่า ใครไปเที่ยวภาคเหนือต้องซื้อแคบหมูกับน้ำพริกหนุ่มเป็นของฝาก เราจึงขอแนะนำให้ท่านผู้อ่านลองทำน้ำพริกหนุ่มทานภายในบ้านตามขั้นตอนด้านล่างนี้

ส่วนประกอบ
  • พริกหนุ่มหรือพริกหยวก 6 เม็ด
  • หอมแดง 6 หัว
  • กระเทียม 2 หัว
  • คนอร์อร่อยชัวร์ 2 ช้อนชา
  • น้ำมะนาว ½ ช้อนโต๊ะ ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้แล้วแต่ชอบ
วิธีทำ
  1. นำพริกหนุ่มหรือพริกหยวก หอมแดง กระเทียม มาเผา หรือคั่วในกะทะ เมื่อสุกให้ลอกเอาเปลือกออก แล้วโขลกให้เข้ากัน
  2. ปรุงรสด้วย คนอร์อร่อยชัวร์ และ น้ำมะนาว ให้ได้รสตามชอบ รับประทานกับแคปหมู ไข่ต้ม และผักตามชอบ
  3. หมายเหตุ หากชอบรสออกหวานให้เติมน้ำตาล


ลาบเห็ดเข็มทอง

ลาบเห็ดเข็มทอง


ท่านใดที่กำลังหาเมนูเพื่อสุขภาพ และลดน้ำหนัก ขอแนะนำลาบเห็ดเข็มทองหมูสับ เป็นการผสมผสานระหว่างลาบหมูสับ และการนำเห็ดเข็มทองซึ่งมีประโยชน์ในการต่อต้านอนุมูลอิสระ เข้ามาไว้ในจานเดียวกันนับว่าเป็นเมนูที่มีสารอาหารครบเลยทีเดียว

ส่วนประกอบ
  • เห็ดเข็มทองหั่นท่อน 1 นิ้ว 2 ถ้วยตวง (150 กรัม)
  • หมูบด ¼ ถ้วยตวง
  • พริกป่น 2 ช้อนโต๊ะ
  • ข้าวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
  • คนอร์อร่อยชัวร์ 2 ช้อนชา
  • น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
  • หอมแดงซอย 3 หัว 1 ½ ช้อนโต๊ะ
  • ต้มหอมซอย 2 ต้น 1 ½ ช้อนโต๊ะ
  • ผักชีฝรั่งซอย 1 ต้น 1 ½ ช้อนโต๊ะ
  • น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ
  • ใบสะระแหน่สำหรับโรยหน้าตามชอบประมาณ ¼ ถ้วยตวง
  • ผักสด เช่นแตงกวา ถั่วฝักยาว กะหล่ำปลี ใบโหระพาตามชอบ โดยประมาณ
วิธีทำ
  1. ตั้งหม้อสำหรับรวนบนไฟปานกลาง ใส่หมูสับลงไป เติมน้ำเปล่า แล้วรวนหมูจนสุก ใส่เห็ดเข็มทอง คนต่อจนเห็ดสุก
  2. ปรุงรสชาติด้วยคนอร์อร่อยชัวร์ ยกออกจากเตา แล้วจึงใส่น้ำมะนาว พริกป่น ข้าวคั่ว หอมแดงซอย ต้นหอม และผักชีฝรั่ง ผสมให้เข้ากัน
  3. ตักใส่จาน โรยหน้าด้วยใบสะระแหน่พร้อมเสิร์ฟ ควรรับประทานคู่กันกับผักสด
  4. หมายเหตุ ความเผ็ดขึ้นอยู่กับพริกป่น บางครั้งพริกป่นอาจเผ็ดมากให้แบ่งใส่ครึ่งหนึ่งแล้วชิมรสดูก่อน



ยำปลาดุกฟู

ยำปลาดุกฟู


หากพูดถึงยำ แน่นอนว่ายำปลาดุกฟูนั้นจะต้องเป็นเมนูที่ใครหลาย ๆ คนนึกถึงเป็นอันดับแรกความกรอบของปลาดุกฟูคลุกเคล้ากับรสชาติหวานอมเปรี้ยวของน้ำยำแถมยังชูรสชาติด้วยมะม่วงดิบซอยเป็นฝอย ๆ รับประทานพอดีคำ พูดแล้วทำให้ชวนน้ำลายสออยากจะลิ้มลองในทันใด

ส่วนประกอบ
  • ปลาดุกขนาด (500 กรัม) 1 ตัว
  • คนอร์อร่อยชัวร์ 1 ช้อนชา
  • เกล็ดขนมปัง ½ ถ้วย
  • ส่วนผสมน้ำยำ
  • น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
  • คนอร์อร่อยชัวร์ 2 ช้อนชา
  • น้ำมะนาว 5 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทรายหรือน้ำตาลปีบ 5 ช้อนโต๊ะ
  • พริกขี้หนูสวนบุบ 10–15 เม็ด
  • เติมหัวหอมแดงซอย ¼ ถ้วย
  • มะม่วงดิบ(เปรี้ยว)ซอย 1 ลูกหรือ 1 ถ้วยตวง
  • ขึ้นฉ่าย ½ ถ้วยตวง
  • ถั่วลิสงหรือเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ¼ ถ้วยตวง
วิธีทำ
  1. ล้างปลาดุกให้สะอาดบั้งแล้วทาด้วยคนอร์อร่อยชัวร์ให้ทั่วนำปลาดุกไปย่างจนสุก แล้วแกะเอาแต่เนื้อปลาจากนั้นนำมาสับรวมกันกับเกล็ดขนมปัง
  2. ตั้งกระทะบนไฟปานกลาง ใส่น้ำมันรอจนร้อน ใส่ปลาดุกที่เตรียมไว้ลงไปเพื่อให้เนื้อปลาฟูน่ารับประทาน ควรรีบคนให้เนื้อปลากระจายตัวไม่เช่นนั้นเนื้อปลาจะจับตัวเป็นก้อนตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน ทำน้ำยำโดยการผสมเครื่องปรุงสำหรับผสมน้ำยำทั้งหมดเข้าด้วยกัน (ยกเว้นขึ้นฉ่ายและถั่วลิสง)เวลารับประทานให้ราดน้ำยำลงบนปลาดุกฟูที่ทอดไว้โรยถั่วลิสงทอดและขึ้นฉ่าย เพื่อความอร่อยมากยิ่งขึ้นควรรับประทานคู่กับผักกาดหอม



วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

หอยจ้อปู

หอยจ้อปู


      เมนูแนะนำวันนี้ คือ หอยจ้อปู โดยเราจะพบหอยจ้อปูได้ตามโต๊ะจีนต่างๆ โดยส่วนใหญ่มักจะทานพร้อมกับน้ำจิ้มบ๊วย หรือน้ำจิ้มไก่ แต่เราก็สามารถทำหอยจ้อปูรสเลิศทานได้ที่บ้านเช่นกัน

ส่วนประกอบ

  • หมูบดแช่เย็น 150 กรัม
  • มันหมูแข็งหั่นเต๋าเล็กแช่เย็น 50 กรัม
  • แห้วหั่นเต๋าเล็ก 50 กรัม
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • เนื้อปู 100 กรัม
  • คนอร์อร่อยชัวร์ 2 ช้อนชา
  • น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
  • แป้งสาลี 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันปาล์มสำหรับทอดประมาณ 500 มล.
  • ฟองเต้าหู้แผ่นสำหรับห่อและเชือกสำหรับมัดหอยจ้อ

วิธีทำ

  1. นำฟองเต้าหู้แผ่นแช่น้ำ แล้วยกขึ้นสะเด็ดน้ำ พักไว้ นำหมูบด มันหมู แห้ว เนื้อปู ไข่ไก่ แป้งสาลี น้ำมันหอยมาผสมกับคนอร์อร่อยชัวร์ให้เข้ากัน
  2. นำส่วนผสมที่ได้มาห่อด้วยแผ่นฟองเต้าหู้ให้เป็นแท่ง แล้วมัดด้วยเชือกให้เป็นท่อนๆ นำหอยจ้อที่ห่อไว้ไปนึ่งประมาณ 10-15 นาทีจนสุก ทิ้งไว้ให้เย็น
  3. แกะเชือกที่ผูกหอยจ้อออก หั่นเป็นท่อนๆ นำไปทอดในน้ำมันร้อน (อุณหภูมิร้อนปานกลาง) ทอดจนเหลืองกรอบ ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน จัดใส่จานพร้อมเสิร์ฟ รับประทานคู่กับน้ำจิ้มบ๊วย หรือน้ำจิ้มไก่


ไข่ตุ๋นญี่ปุ่น

ไข่ตุ๋นญี่ปุ่น


      เรามาลองเพิ่มความแปลกใหม่ให้กับเมนูไข่ตุ๋น โดยการใส่ความเป็นญี่ปุ่นลงไปในไข่ตุ๋น เพื่อให้ได้อีกรสชาติใหม่ที่น่าลิ้มลองไม่แพ้เมนูไข่ตุ๋น

ส่วนประกอบ
  • ส่วนประกอบสำหรับน้ำซุปปลาโอ
  • แครอทหั่นแว่นบาง ½ หัว
  • ผงปลาโอแห้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ
  • สาหร่ายญี่ปุ่นแบบเส้น 3-4 เส้น
  • น้ำเปล่า 300 มิลลิลิตร
  • ส่วนประกอบสำหรับไข่ตุ๋น
  • ไข่ไก่เบอร์ 0 2 ฟอง
  • คนอร์อร่อยชัวร์ 1 ช้อนชา
  • น้ำตาลทราย ½ ช้อนชา
  • น้ำซุปปลาโอ 1 ถ้วย
  • พริกไทยป่น ¼ ช้อนชา
  • กุ้งลวก ปูอัดแฮมหั่นเป็นเส้น และเห็ดหอมแห้งแช่น้ำหั่นเป็นเส้นๆ ตามชอบ
  • ต้นหอมซอยสำหรับโรยหน้า

วิธีทำ
  1. เริ่มทำน้ำซุป โดยนำน้ำใส่หม้อ ใส่สาหร่าย แครอท และผงปลาโอแห้งตั้งไฟกลางให้เดือด ดึงความหอมออกจากผงปลาโอแห้งและความหวานจากแครอท ต้มให้เดือดสักพัก ประมาณ 5 นาที
  2. ปิดเตากรองเอาแต่น้ำซุปให้ได้ 1 ถ้วย (250มิลิลิตร) พักไว้ให้เย็น
  3. ต่อมาทำไข่ตุ๋นโดยเริ่มจากเตรียมถ้วยทนความร้อนที่จะใช้นึ่ง(ตามสูตรจะได้ไข่ตุ๋นประมาณ 3ถ้วย) เตรียมน้ำใส่ลังถึง เปิดไฟแรงให้น้ำเดือดระหว่างรอน้ำเดือด วางกุ้ง ปูอัดและเห็ดหอมลงที่ก้นถ้วย อย่างละ 1-2 ชิ้น(ไม่ควรใส่มากเกินไป)พักไว้
  4. ตอกไข่ใส่ชามผสมคนอร์อร่อยชัวร์ น้ำตาลทราย ซีอิ๊วขาวและพริกไทยป่นลงไป ตีเบาๆ ให้เข้ากัน เติมน้ำซุปปลาโอที่เย็นแล้วลงไป คนพอเข้ากันแล้วกรองด้วยกระชอนตาถี่ 2 ครั้ง เพื่อให้ได้เนื้อไข่ตุ๋นที่เนียน และยังกำจัดฟองอากาศ เทไข่ตุ๋น ลงในถ้วยที่เตรียมไว้ วางถ้วยลงในลังถึง
  5. นึ่งนาน 20-25 นาที จนไข่สุกยกลงจากเตาโรยต้นหอมพร้อมเสิร์ฟ
  6. หมายเหตุ ผักและเนื้อสัตว์ที่จะใส่ในไข่ตุ๋น ถ้าเป็นหมู ไก่ กุ้ง ควรทำให้สุกก่อนเพราะถ้าใส่เนื้อสัตว์แบบดิบ ๆ จะมีน้ำจากเนื้อสัตว์ออกมาในไข่ตุ๋น




ข้าวผัดน้ำพริกหนุ่มไส้อั่ว

ข้าวผัดน้ำพริกหนุ่มไส้อั่ว



     น้ำพริกหนุ่มกับไส้อั่ว เป็นอาหารพื้นบ้านของทางภาคเหนือ หากคุณต้องการความแปลกใหม่พร้อมกับรักษากลิ่นอายของอาหารพื้นบ้านทางภาคเหนือ เราขอแนะนำเมนู ข้าวผัดน้ำพริกหนุ่มไส้อั่ว

ส่วนประกอบ
  • ไส้อั่วหั่นแว่น (50 กรัม) ¼ ถ้วยตวง
  • ข้าวสวยเย็น (250 กรัม) 1 ½ ถ้วยตวง
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • น้ำพริกหนุ่ม 1 ช้อนโต๊ะ
  • แครอทหั่นเต๋าเล็ก (12 กรัม) 1 ช้อนโต๊ะ
  • ต้นหอมซอย 1 ช้อนโต๊ะ
  • พริกหนุ่มหั่นแฉลบ 1 เม็ด
  • คนอร์อร่อยชัวร์(5 กรัม) 1 ½ ช้อนชา
  • กระเทียมสับ (4 กรัม) 1 ช้อนชา
  • น้ำมันพืช (20 กรัม) 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
  1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพอร้อน ใส่กระเทียมผัดพอหอม ใส่น้ำพริกหนุ่มผัดกับกระเทียมจนมีกลิ่นหอม
  2. จากนั้นใส่ใส้อั่วลงผัดสักครู่ ใส่ไข่ลงในกระทะคนเร็วให้ไข่กระจายไม่จับเป็นก้อน ใส่แครอท และพริกหนุ่มผัดพอสุก
  3. ใส่ข้าวสวยและคนอร์อร่อยชัวร์ผัดจนส่วนผสมทั้งหมดสุกและเข้ากันดี ใส่ต้นหอมผัดพอเข้ากัน ตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟ

ข้าวหน้าหมูทอดทงคัตสึ

ข้าวหน้าหมูทอดทงคัตสึ


     ข้าวหน้าหมูทอดทงคัตสึ หรือ ข้าวหมูชุปทอด เป็นอาหารญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยขั้นตอนการทำก็ไม่ยากอย่างที่คิด ผู้อ่านสามารถลองทำตามวิธีการทำด้านล่างได้เลย

ส่วนประกอบ
  • เนื้อหมูสันในหั่นเป็นชิ้นหนา ½ นิ้ว (ประมาณ 450 กรัม) 3 ชิ้น
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • เกล็ดขนมปัง (กะพอประมาณ) 2 ถ้วย
  • กระเทียมโขลก 5 - 6 กลีบ
  • แป้งสาลี (กะพอประมาณ) ½ ถ้วย
  • ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
  • คนอร์อร่อยชัวร์ 2 ช้อนชา
  • มายองเนส หรือน้ำจิ้มหมูทอดทงคัตสึแบบญี่ปุ่น
  • ข้าวญี่ปุ่นหุงสุก กะหล่ำปลีหั่นฝอย มะนาว

วิธีทำ
  1. ใช้ค้อนทุบเนื้อหมูให้เป็นชิ้นบาง ๆ พอนุ่ม (ใช้ส้อมจิ้มเนื้อหมูให้เป็นรูเครื่องปรุงจะได้เข้าเนื้อ) คลุกเนื้อหมูเข้ากับซีอิ๊วขาว กระเทียมโขลก หมักไว้สัก 20 นาที ใส่แป้งสาลีลงในจาน แล้วนำหมูที่หมักเสร็จนำมาคลุก ให้แป้งติดหมูทั่วๆ ตอกไข่ใส่ถ้วย ตีให้เข้ากัน แล้วก็จุ่มเนื้อหมูลงไป จากนั้นก็ใส่เกล็ดขนมปังจานอีกใบ แล้วก็นำหมูที่พึ่งจุ่มไข่ใส่ลงไปคลุกอีกครั้ง หยิบหมูออกมา แล้วนำไปแช่ตู้เย็นสัก1-2 ชั่วโมง (จะทำให้แป้งติดหมูดียิ่งขึ้น)
  2. ใส่น้ำมันลงในกระทะ ตั้งไฟกลางพอน้ำมันร้อนใส่เนื้อหมูลงทอดให้เหลืองกรอบ ตักขึ้น เสริ์ฟพร้อมมายองเนส หรือซอสหมูทอดญี่ปุ่นทงคัตสึ กะหล่ำปลีหั่นฝอย และมะนาว รับประทานกับข้าวญี่ปุ่น หรือข้าวสวยร้อนๆ



ขนมปังหน้าหมู

ขนมปังหน้าหมู


      ขนมปังหน้าหมูนั้นเป็นเมนูของว่างที่ สามารถทำเองได้ง่ายๆ ไม่ยุ่งยากแถมยังเป็นการแปรรูปเป็นอาหารให้น่ารับประทานอีกด้วย

ส่วนประกอบ
  • ขนมปังแผ่น 10 แผ่น
  • หมูสับ 1 ถ้วยตวง
  • คนอร์อร่อยชัวร์ 1 ช้อนชา
  • รากผักชี กระเทียม พริกไทยโขลกละเอียด 2 ช้อนชา
  • ไข่ไก่ตีให้เข้ากัน 1 ฟอง
  • น้ำมันพืชสำหรับทอด
  • พริกชี้ฟ้าซอยเป็นเส้นบาง และใบผักชี สำหรับตกแต่ง
  • รับประทานคู่กับน้ำอาจาด ซอสพริก หรือ ซอสมะเขือเทศ


วิธีทำ
  1. หั่นแบ่งขนมปัง 1 แผ่นเป็น 4 ชิ้น นำไปผึ่งลมให้หน้าขนมปังแห้งประมาณ 1 ชม.
  2. ผสมหมูสับกับคนอร์อร่อยชัวร์ รากผักชี กระเทียม พริกไทยโขลกละเอียด และ ไข่ไก่ ½ ฟอง นวดให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน หมักทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที
  3. นำหมูที่หมักทาลงบนขนมปังที่เตรียมไว้ ตกแต่งด้วยใบผักชี และพริกชี้ฟ้า แล้วนำขนมปังด้านที่ทาหมูไปชุบลงบนไข่ที่เหลือ
  4. นำไปทอดโดยใส่ด้านที่มีหมูลงในน้ำมันก่อน พอทั้งสองด้านสุกเหลืองดีแล้วตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน เสิร์ฟโดยรับประทานคู่กับ อาจาด ซอสพริก หรือ ซอสมะเขือเทศ



สปาเก็ตตี้ไวท์ซอสครีมเห็ด

สปาเก็ตตี้ไวท์ซอสครีมเห็ด


      สปาเก็ตตี้ไวท์ซอสครีมเห็ด เป็นสปาเก็ตตี้ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในไทย ทั้งวัยรุ่น วัยหนุ่มสาว หรือ วัยกลางคน ต่างก็เคยลิ้มลอง จุดเด่นและความอร่อยของสปาเก็ตตี้ไวท์ซอสครีมเห็ด คือ ความเข้มข้นของไวท์ซอส

ส่วนประกอบ

  • เส้นสปาเก็ตตี้ต้มสุกแล้ว 300 กรัม
  • วิปครีม 1 ถ้วยตวง
  • น้ำเปล่า ½ ถ้วยตวง
  • เห็ดแชมป์ปิญองหั่นแว่น ½ ถ้วยตวง
  • แฮมหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า ½ ถ้วยตวง
  • หอมใหญ่หั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็ก ¼ ถ้วยตวง
  • คนอร์อร่อยชัวร์ 1 ½ ช้อนชา
  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ½ ช้อนโต๊ะ
  • พริกไทยป่น ¼ ช้อนชา
  • น้ำมันมะกอก หรือเนย สำหรับผัด 3 ช้อนโต๊ะ


วิธีทำ

  1. ตั้งหม้อต้มน้ำให้เดือดแล้วใส่เส้นสปาเก็ตตี้ลงไป คนให้เส้นจมน้ำหมดทุกเส้น หรี่ไฟอ่อนพร้อมปิดฝา ต้มประมาณ 20 นาที แล้วเช็คว่าสุกหรือยัง (ลองหักดูว่า ข้างในเป็นสีเสมอกันหรือไม่ หากตรงกลางมีสีขาวๆ แสดงว่ายังไม่สุก) นำเส้นสปาเก็ตตี้ต้มสุก แช่น้ำเย็นสักครู่ สะเด็ดน้ำออก นำไปคลุกกับน้ำมันพืช พักไว้
  2. ตั้งกระทะละลายเนย 2 ช้อนโต๊ะ เมื่อเนยละลาย นำหัวหอมใหญ่ลงไปผัดให้สุกและมีกลิ่นหอม
  3. นำแฮมและเห็ดลงไปผัดจนสุกเหลืองเล็กน้อย แล้วตักใส่ชาม พักไว้
  4. นำเนยที่เหลือใส่ในกระทะ ใส่แป้งลงไป รีบคนให้เข้ากันจนแป้งสาลีสุก โดยใช้ไฟอ่อน เติมน้ำเปล่าและคนอร์อร่อยชัวร์ลงไปพร้อมกับคนเร็วๆ ให้แป้งกับน้ำเข้ากันดี ไม่จับเป็นก้อน
  5. นำวิปครีมใส่ในกระทะ และต้องคนตลอดเวลาเพื่อสังเกตว่าซอสเริ่มเหนียวหรือยัง เมื่อซอสเริ่มเหนียวให้ใส่แฮมที่ผัดไว้ลงไป เติมพริกไทยลงไปพร้อมคนให้เข้ากัน ผัดต่อจนกระทั่งส่วนผสมทั้งหมดข้นและเข้ากันดีแล้วปิดเตา ตักราดบนสปาเก็ตตี้ที่จัดจานเตรียมไว้ หรือจะนำเส้นสปาเก็ตตี้ลงไปคลุกกับไวท์ซอสครีมเห็ด ตักจานพร้อมเสิร์ฟ

ผัดมักกะโรนีกุ้ง

ผัดมักกะโรนีกุ้ง


      มักกะโรนีเป็นอาหารอิตาเลี่ยนที่ขึ้นชื่อ และคนไทยได้นำมาดัดแปลงจนเป็นที่รู้จัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผัดมักกะโรนีกุ้ง เรียกได้ว่า ตามร้านอาหารทั่วไปผัดมักกะโรนีกุ้งต้องเป็นหนึ่งในหน้าเมนูฮิต

ส่วนประกอบ
  • มักกะโรนีต้มสุก 2 ถ้วยตวง
  • กุ้งสด 10-12 ตัว ประมาณ 120 กรัม
  • ไข่ไก่ 2 ฟอง
  • หอมหัวใหญ่หั่นเสี้ยวบางๆ 1 หัวเล็ก 100 กรัม
  • มะเขือเทศสีดาหั่นเป็นเสี้ยว 5 ลูก 100 กรัม
  • ต้นหอมหั่นท่อน 1 นิ้ว 3-4 ต้น 20 กรัม
  • ซอสมะเขือเทศ 5-6 ช้อนโต๊ะ
  • คนอร์อร่อยชัวร์ 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
  • น้ำมันพืชหรือเนยสำหรับผัด 3-4 ช้อนโต๊ะ
  • พริกไทยป่นตามชอบ


วิธีทำ
  1. นำน้ำใส่หม้อในปริมาณมากกว่ามักกะโรนี 4 เท่า เปิดไฟแรงให้น้ำเดือดจัด ใส่น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ และเกลือเล็กน้อย ลดไฟให้เหลือไฟกลางค่อนไปทางแรง ใส่มักกะโรนีลงในหม้อ คนด้วยทัพพีเป็นระยะๆ ป้องกันการติดก้นหม้อและเพื่อให้ความร้อนทั่วถึง ต้มประมาณ 10 นาที หรือจนกว่ามักกะโรนีจะสุก หลังจากนั้นนำไปแช่น้ำเย็นสักครู่ สะเด็ดน้ำออก คลุกกับน้ำมันพืชพักไว้
  2. นำกุ้งสดมาปอกเปลือกล้างน้ำ แล้วผ่าหลังพักไว้
  3. ตั้งกระทะน้ำมัน หรือเนยบนไฟกลาง ใส่กุ้งลงไปผัดให้เปลี่ยนสีแต่ยังไม่ต้องสุกทั้งหมด ตอกไข่ใส่ลงไป พักไว้สักครู่ให้ไข่พอสุกบ้างบางส่วน คนให้ไข่กระจายตัว
  4. นำหัวหอมใหญ่ลงไปผัดพอสุก แล้วใส่มักกะโรนีที่เตรียมไว้
  5. ผัดให้ทั่วแล้วใส่ซอสมะเขือเทศ คนอร์อร่อยชัวร์ และน้ำตาลทราย เร่งไฟแรงเล็กน้อยผัดให้เข้ากัน ให้ซอสเคลือบมักกะโรนีให้ทั่ว แล้วนำมะเขือเทศ และต้นหอมผัดพอทั่ว หลังจากนั้นปิดไฟแล้วนำใส่จานพร้อมเสิร์ฟ
  6. หมายเหตุ สามารถเปลี่ยนเป็นเนื้อสัตว์อื่นๆได้ เช่น หมู ไก่ เนื้อ



สปาเก็ตตี้หอยลายกระเทียม

สปาเก็ตตี้หอยลายกระเทียม


       สปาเก็ตตี้หอยลายกระเทียม เป็นเมนูที่ทำจากเส้นสปาเก็ตตี้อีกอย่างหนึ่งที่มีขั้นตอนการทำที่ง่าย และรวดเร็ว หากท่านใดชื่นชอบการทานผัดหอยลายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ลองลิ้มรสความอร่อยจากสปาเก็ตตี้หอยลายทอดกระเทียมแล้วคุณจะติดใจ

ส่วนประกอบ
  • เส้นสปาเก็ตตี้ต้มสุก (300 กรัม) 2 ถ้วยตวง
  • เนื้อหอยลายต้มสุก (100 กรัม) ½ ถ้วยตวง
  • น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ
  • กระเทียมหั่นเป็นแว่น 2 ช้อนโต๊ะ
  • คนอร์อร่อยชัวร์ 1 ½ ช้อนชา
  • น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
  • ใบโหระพา พริกขี้หนูแห้งทอดตามชอบ


วิธีทำ
  1. ต้มน้ำให้เดือด ใส่เส้นสปาเก็ตตี้ลงไป หรี่ไฟอ่อน ปิดฝา ต้มประมาณ 20 นาที (สังเกตสีของเส้น ถ้าตรงกลางมีสีขาว ๆ แสดงว่ายังไม่สุก) นำเส้นสปาเก็ตตี้ต้มสุก แช่น้ำเย็นสักครู่ สะเด็ดน้ำออก คลุกกับน้ำมันพืช พักไว้
  2. ตั้งกระทะบนไฟกลาง ใส่น้ำมันมะกอก ใส่กระเทียมผัดพอหอม ใส่หอยลาย นำมาผัดให้เข้ากัน
  3. นำเส้นสปาเก็ตตี้ที่พักไว้ไปผัดให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำมันหอย คนอร์อร่อยชัวร์ และน้ำตาลทราย ใส่ใบโหระพา และพริกขี้หนูแห้งพร้อมเสิร์ฟ



ผักโขมอบชีส

ผักโขมอบชีส


       ผักโขมอบชีส เป็นอาหารอิตาเล่ียนที่ได้รับความนิยมอย่างมากในไทย เรียกได้ว่า น้อยคนนักที่จะไม่รู้จักผักโขมอบชีส เมนูนี้จะได้คุณประโยชน์จากผักโขมและความหอมกรุ่นจากชีส เป็นการผสมผสานกันอย่างลงตัว

ส่วนประกอบ

  • ผักโขมต้มหั่นชิ้นเล็ก 200 กรัม
  • หัวหอมใหญ่หั่นเต๋าเล็ก 100 กรัม
  • นมสด (½ ถ้วยตวง) 150 มิลลิลิตร
  • วิปปิ้งครีม( ½ ถ้วยตวง) 150 มิลลิลิตร
  • แป้งสาลี 2 ช้อนโต๊ะ
  • คนอร์อร่อยชัวร์ 2 ช้อนชา
  • พริกไทยป่น ¼ ช้อนชา
  • เนยสด 1 ช้อนโต๊ะ
  • เบคอนหั่นชิ้นเล็ก 100 กรัม
  • กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
  • พาร์มีซานชีส มอสซาเรลล่าชีสขูด เชดดาร์ชีส อย่างละ ¼ ถ้วยตวง
  • พาสลีย์สดหรือแห้งสำหรับโรยหน้าและตกแต่ง

วิธีทำ

  1. นำน้ำใส่หม้อตั้งไฟใส่เกลือนิดหน่อย พอเดือดใส่ผักโขมลงไปต้มจนสุกประมาณ 2-3 นาที นำขึ้นมาแช่น้ำเย็น บีบน้ำออก แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ พักไว้
  2. ตั้งกระทะบนไฟกลาง ใส่เนย นำเบคอนผัดกับกระเทียมจนเกรียมนิดๆ ใส่หอมใหญ่ผัดพอสุก ใส่ผักโขมที่ต้มไว้ ใส่คนอร์อร่อยชัวร์ และพริกไทย ผัดให้เข้ากัน
  3. ใส่นมและวิปปปิ้งครีมลงไป คนเร็วๆ ให้เข้ากันอีกครั้ง ใส่มอสซาเรลล่าชีสขูดลงไป ตักใส่ถ้วยสำหรับอบ แล้วโรยหน้าด้วยเชดดาร์ชีส และพาร์มีซานชีส
  4. นำเข้าอบไฟบนและล่าง ตั้งไฟ 200 องศาเซลเซียส 10 นาที (วอร์มเตาอบก่อนประมาณ 5-10 นาที) อีก 5 นาทีที่เหลือใช้ไฟบนอย่างเดียวเพื่อให้ได้หน้าตาที่สวยงามและน่ารับประทาน

วันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ทอดมันข้าวโพด

ทอดมันข้าวโพด


ทอดมันข้าวโพด  เป็นเมนูที่เด็ก ๆ ชื่นชอบ วิธีการทำไม่ยุ่งยาก เพียงนำเอาเมล็ดข้าวโพดผสมกับเครื่องปรุงแล้วนำมา ทอดจนสุกเหลืองหอมกินกับซอสมะเขือเทศหรือซอสพริกได้ตามชอบ สามารถนำเมนูทอดมันข้าวโพดนี้มาเป็นเมนูทานเล่นให้เด็ก ๆ ได้

ส่วนประกอบ
  • ข้าวโพดฝานบางเอาแต่เมล็ด 2 ถ้วยตวง
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • รากผักชี กระเทียม พริกไทยโขลกละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
  • คนอร์อร่อยชัวร์ 2 ช้อนชา
  • แป้งสาลี ½ ถ้วยตวง
  • น้ำมันพืชสำหรับทอด 


วิธีทำ
  1. โขลกรากผักชี, พริกไทย และกระเทียมให้ละเอียด พักไว้
  2. ผสมข้าวโพด ไข่ไก่ แป้งสาลี และรากผักชี พริกไทย กระเทียมที่โขลกไว้ โดยขยำให้มีน้ำข้าวโพดออกมา ผสมกับแป้งสาลี และใส่คนอร์อร่อยชัวร์ จนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันพักไว้
  3. ตั้งกระทะน้ำมันด้วยไฟกลางให้ร้อน ปั้นข้าวโพดที่ผสมไว้เป็นแผ่นบางๆ ลงทอดจนสุกเหลืองทั้งสองด้าน ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน จ้ดใส่จานรับประทานกับซอสพริก หรือซอสมะเขือเทศ


น้ำพริกปลาทู

น้ำพริกปลาทู



น้ำพริกปลาทู เป็นเมนูขึ้นชื่อที่แสดงถึงความเป็นไทย มีรสชาติอร่อยจัดจ้าน ทำทานได้ง่ายเพราะส่วนผสมและเครื่องปรุงหาได้ง่ายในทุกท้องถิ่น ทานคู่กับผักสดหรือผักลวกตามชอบ เป็นอีกเมนูหนึ่งที่นอกจากอร่อยแล้วยังดีต่อสุขภาพ

ส่วนประกอบ
  • ปลาทูนึ่งตัวใหญ่ 2 ตัว
  • พริกเขียวพริกหนุ่ม 8 เม็ด
  • หอมแดง 6 หัว
  • กระเทียม 10 กลีบใหญ่
  • คนอร์อร่อยชัวร์รสไก่ 2 ช้อนชา
  • เกลือป่น ½ ช้อนชา
  • น้ำปลา 2 ช้อนชา
  • น้ำต้มสุก 2 ช้อนโต๊ะ
  • มะนาว 2 ช้อนโต๊ะ ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้เพื่อเพิ่มรสเปรี้ยวสำหรับคนที่ชอบรสเปรี้ยว


วิธีทำ
  1. ย่างหอม กระเทียม พริก รวมทั้งปลาทูพักไว้
  2. แกะปลาทูที่ย่างแล้วเอาแต่เนื้อใส่ หอม กระเทียม พริกย่าง ลงตำในครก เหยาะเกลือเล็กน้อยทำให้ตำง่ายขึ้น ตำจนส่วนผสมเข้ากันดี
  3. เติมคนอร์อร่อยชัวร์รสไก่ น้ำมะนาว น้ำปลาเติมน้ำต้มสุกหรือน้ำซุป ชิมรสตามชอบตักใส่ถ้วย รับประทานกับผักลวก หรือผักสดตามชอบ


ถุงทอง

ถุงทอง


ถุงทอง อาหารชื่อมงคลนี้ มีลักษณะคล้ายกับถุงมัดปลายที่มีสีทอง โดยนำแป้งปอเปี๊ยะมาห่อเนื้อหมูหรือไก่ให้มีลักษณะคล้ายถุง และทอดจนมีสีเหลืองทอง เหมาะสำหรับการทานเป็นอาหารว่างรสเลิศในโอกาสต่าง ๆ

ส่วนประกอบ
  • ไก่บด หรือหมูบด 250-300 กรัม
  • แครอทหั่นเต๋า 50 กรัม
  • เมล็ดข้าวโพด 50 กรัม
  • เมล็ดถั่วลันเตา 50 กรัม
  • คนอร์อร่อยชัวร์ 2 ช้อนชา
  • แป้งสาลี 3 ช้อนโต๊ะ
  • รากผักชี กระเทียมพริกไทย โขลกลอะเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
  • แป้งปอเปี๊ยะสำหรับห่อถุงทอง ต้นหอมลวกสำหรับผูกถุงทอง
  • น้ำมันปาล์มสำหรับทอด


วิธีทำ
  1. ผสมไก่หรือหมูบด แครอท เมล็ดข้าวโพด เมล็ดถั่วลันเตา กับรากผักชีกระเทียมพริกไทยโขลก แป้งสาลี และคนอร์อร่อยชัวร์ ให้เข้ากันพักไว้
  2. นำน้ำมันใส่กระทะ 2 ช้อนโต๊ะใส่เครื่องที่หมักไว้ลงผัดจนส่วนผสมทั้งหมดสุกพักไว้ให้เย็น
  3. ห่อถุงทองโดยตักไส้ที่ผัดประมาณ 1 ช้อนวางไว้ตรงกลางแผ่นแป้งแล้วห่อให้เป็นถุงโดยใช้ใบต้นหอมที่ลวกไว้มัดให้แน่น
  4. ตั้งกระทะน้ำมันสำหรับทอดถุงทอง พอน้ำมันร้อน(อุณหภูมิร้อนปานกลาง)ใส่ถุงทองลงทอดไว้ทอดจนเหลืองกรอบ จัดใส่จานพร้อมเสิร์ฟรับประทานคู่กับน้ำจิ้มบ๊วย หรือน้ำจิ้มไก่ตามชอบ


ปลากะพงทอดราดน้ำปลา

ปลากะพงทอดราดน้ำปลา


ปลากะพงทอดราดน้ำปลา  เป็นยอดนิยมในร้านอาหารไม่แพ้เมนูอื่น แท้ที่จริงแล้ววิธีทำเมนูนี้ก็ไม่ยุ่งยากเพียงแค่นำปลากะพงลงไปทอดในน้ำมันจนเหลืองสุกแล้วราดด้วยน้ำปลา จิ้มน้ำยำรสแซ่บจะได้รสชาติของปลากะพงทอดที่สุดแสนจะอร่อยทานกับข้าวสวยร้อนๆ

ส่วนประกอบ
  • ส่วนผสมของปลากะพงทอดราดน้ำปลา
  • ปลากะพง (เลือกขนาด 800 กรัม) 1 ตัว
  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 2 ช้อนโต๊ะ
  • คนอร์อร่อยชัวร์ ½ ช้อนชา
  • น้ำมันพืชสำหรับทอดปลา 4 ถ้วย
  • น้ำปลาปรุงรสสำหรับราดปลากะพงทอด
  • น้ำมันที่ทอดปลา 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลาอย่างดี 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลปีบ 2 ช้อนชา
  • ส่วนผสมน้ำยำ
  • น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
  • คนอร์อร่อยชัวร์ 1 ช้อนชา
  • หัวหอมแดงซอย ½ ถ้วยตวง
  • พริกขี้หนูซอย 1 ช้อนโต๊ะ
  • มะม่วงเปรี้ยวสับเป็นเส้น ¼ ถ้วย
  • เม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอด ¼ ถ้วย
  • ผักชีสำหรับโรยหน้า


วิธีทำ
  1. นำปลากะพงมาล้างทำความสะอาด แผ่ตัวปลาออกแล้วเลาะเอาก้างออก ซับน้ำให้แห้ง ทาตัวปลาด้วยคนอร์อร่อยชัวร์ ตั้งทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาทีก่อนทอดคลุกด้วยป้งสาลีเล็กน้อย นำลงทอดในน้ำมันที่ร้อนจนกรอบเหลืองและสุกดี ตักขึ้นใส่ในตะแกรงให้สะเด็ดน้ำมัน
  2. ทำน้ำปลาปรุงรส โดยใส่น้ำมันทอดปลา น้ำปลา และน้ำตาลปีบลงในกระทะเคี่ยวด้วยไฟอ่อนพอน้ำตาลละลาย ตักราดบนตัวปลาที่ทอดไว้
  3. ทำน้ำยำโดย ผสมน้ำปลา น้ำตาล มะนาว และคนอร์อร่อยชัวร์ให้ละลายเข้ากันเติมหัวหอมแดง พริกขี้หนูซอย มะม่วงสับ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ผักชีสำหรับโรยหน้า เสิร์ฟพร้อมกับปลาทอดที่ราดน้ำปลา



คะน้าน้ำมันหอย

คะน้าน้ำมันหอย


     หากใครที่ชอบทานผักใบเขียว ขอแนะนำเมนูจานนี้ คะน้าน้ำมันหอยเป็นเมนูที่ใครหลายๆ คนชื่นชอบ เพราะอุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหาร และรสชาติก็อร่อยไม่แพ้อาหารไหนๆ

ส่วนประกอบ
  • คะน้าฮ่องกง หรือยอดคะน้าหั่นท่อนยาว 3 นิ้ว 300 กรัม
  • คนอร์อร่อยชัวร์ (4 กรัม) 1 ช้อนชา
  • น้ำมันพืช (25 กรัม) 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันหอย (25 กรัม) 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำเปล่า (60 กรัม) ¼ ช้อนโต๊ะ
  • แป้งข้าวโพด ½ ช้อนชา
  • น้ำตาลทราย ½ ช้อนชาหรือตามชอบ
  • กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
  • กระเทียมเจียวสำหรับโรยหน้า


วิธีทำ
  1. นำน้ำใส่หม้อตั้งไฟ ใส่เกลือเล็กน้อย ลวกคะน้าฮ่องกง พอสุกแช่น้ำเย็นให้คลายความร้อนสะเด็ดน้ำพักไว้
  2. นำน้ำมันพืชใส่กระทะ ตั้งไฟพอร้อนใส่กระเทียมผัดจนเหลือง ตักกระเทียมไว้สำหรับโรยหน้า ละลายแป้งข้าวโพดลงในน้ำที่เตรียมไว้แล้วเติมลงในกระทะ
  3. ปรุงรสด้วยคนอร์อร่อยชัวร์ น้ำมันหอย และน้ำตาลทราย ผัดจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดีและแป้งสุก
  4. ใส่คะน้าลงไปผัดให้เข้ากับน้ำซอสปิดไฟแล้วยกลงตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟ หรือจะเอาน้ำซอสที่ได้มาราดลงบนคะน้าที่จัดใส่จานเตรียมไว้ก็ได้ โรยหน้าด้วยกระเทียมเจียว



ปูม้าผัดพริกไทยดำ

ปูม้าผัดพริกไทยดำ


หากคนที่ชื่นชอบความเผ็ดร้อนของพริกไทยดำอยู่แล้ว ขอแนะนำให้เปลี่ยนจากเนื้อสัตว์อันแสนธรรมดา มาเป็นปูม้า ความหวานของเนื้อปูม้าจะยิ่งทำให้รสชาติของเมนูปูม้าผัดพริกไทยดำนั้นอร่อยมากยิ่งขึ้น

ส่วนประกอบ
  • ปูม้า (ประมาณ 2-3 ตัว) 400-500 กรัม
  • พริกไทยดำบุบหยาบ ½ ช้อนโต๊ะ
  • กระเทียมสับ ½ ช้อนโต๊ะ
  • หอมหัวใหญ่หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมพอคำ ¼ หัวใหญ่
  • พริกหวานสีเขียว แดง เหลืองอย่างละ ¼ ลูก หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมพอคำ
  • น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
  • น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
  • ซีอิ๊วดำ ¼ ช้อนชา
  • คนอร์อร่อยชัวร์ ½ ช้อนโต๊ะ
  • น้ำเปล่า 4 ช้อนโต๊ะ
  • เหล้าจีน ½ ช้อนโต๊ะ (ไม่มีไม่ต้องใส่)
  • น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันสำหรับทอดปู


วิธีทำ
  1. ดึงกระดองปู ฟองน้ำข้างตัวปูออก ล้างให้สะอาด และสับเป็นชิ้นใหญ่ ทุบก้ามปูพอเปลือกแตก แล้วนำไปทอดในน้ำมันร้อนพอสุก พักไว้
  2. นำน้ำมันใส่กระทะ ตั้งไฟพอร้อนใส่กระเทียมเจียวในน้ำมันจนเหลืองหอม ใส่พริกไทยดำ น้ำมันหอย น้ำตาลทราย ซีอิ๊วดำ เหล้าจีนและคนอร์อร่อยชัวร์ผัดให้เข้ากัน ใส่น้ำเปล่าลงผัดเล็กน้อย
  3. ใส่หอมหัวใหญ่ พริกหวาน 3 สีลงไปผัดให้เข้ากันและเดือด ใส่ปูที่เตรียมไว้ลงไปผัดจนส่วนผสมทุกอย่างสุก ตักใส่จานเสิร์ฟร้อนๆ โรยหน้าด้วยกระเทียมเจียว


หมายเหตุ
พริกไทยดำนำมาคั่วก่อนบดจะทำให้หอมมากขึ้น และถ้าชอบเผ็ดพริกไทยสามารถเพิ่มพริกไทยได้อีกตามชอบ